สภาพคล่อง (Liquidity) ในตลาด Forex คืออะไร ?
สภาพคล่องของตลาด Forex คือความสามารถในการซื้อขายสกุลเงินหรือคู่เงินต่างๆ ที่ได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัยที่เป็นตัวแปรใน สภาพคล่อง ของคู่สกุลเงิน ถือเป็นสิ่งสำคัญที่เป็นแรงจูงใจให้นักลงทุนหันมาเทรดในตลาดฟอเร็กซ์ เพราะเป็นตลาดที่มีปริมาณการซื้อขายสูง ทำให้เทรดเดอร์มีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้น สำหรับบทความนี้ STARTRADER จะพาทุกท่านไปเจาะลึกถึงความหมายของ Liquidity ในฟอเร็กซ์ ความสำคัญและปัจจัยใดบ้างที่จะส่งผลต่อสภาพคล่อง
สภาพคล่อง (Liquidity) ในตลาด Forex คืออะไร ?
สภาพคล่อง (Liquidity) ในตลาด Forex (Foreign Exchange Market) หมายถึง ความสามารถในการซื้อและขายเงินตราต่างประเทศ (foreign currencies) ที่มีปริมาณการซื้อขายที่สูงตามความต้องการ หมายความว่า เทรดเดอร์สามารถซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศได้อย่างรวดเร็วและไม่มีความยากลำบากในการหาคู่สกุลเงินที่จะทำการซื้อหรือขายในตลาดนั้น สภาพคล่องมักประกอบด้วยการเข้า-ออกของผู้เทรดและนักลงทุนที่มีความสนใจในตลาดฟอเร็กซ์
สภาพคล่องในตลาดฟอเร็กซ์ความสำคัญต่อผู้เทรดเป็นอย่างมาก เนื่องจากมันช่วยให้พวกเขาสามารถเปิดหรือปิดการซื้อขายได้อย่างอิสระและตามที่ต้องการ เมื่อตลาดมีสภาพคล่องสูง คำสั่งซื้อและขายมักจะถูกดำเนินการอย่างรวดเร็วและทันทีตามราคาที่คาดหวัง
ความสำคัญของสภาพคล่อง (Liquidity) ในตลาด Forex
การทราบถึงสภาพคล่องของตลาดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้สามารถทำการวิเคราะห์และทำการตัดสินใจในการลงทุนได้อย่างมั่นใจ สำหรับตลาดฟอเร็กซ์ Liquidity มีความสำคัญดังนี้
-สภาพคล่องของตลาดที่ดีทำให้นักลงทุนสามารถทำธุรกรรมได้ง่ายและรวดเร็ว ยิ่งตลาดมีสภาพคล่องมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงก็จะยิ่งน้อยลง เนื่องจากการซื้อหรือขายอยู่เสมอ ยิ่งมีผู้เข้าร่วมตลาดมากจะยิ่งทำให้การดำเนินการมีความหลากหลายมากขึ้นตามความสนใจของผู้เข้าร่วม
-สภาพคล่องของตลาดมักจะเกี่ยวข้องกับ Spread ที่ต่ำ ทำให้ต้นทุนในการทำธุรกรรมลดลง นักลงทุนสามารถซื้อในราคาถูกกว่าและขายในราคาสูงกว่าได้
-สภาพคล่องทำให้มีปริมาณการซื้อขายมาก สนับสนุนการเข้าออกจากตลาดได้โดยไม่มีปัญหา นักลงทุนสามารถทำธุรกรรมในทิศทางที่ต้องการได้ตามที่ต้องการ
-สภาพคล่องทำให้มีความสามารถในการทำธุรกรรมในขนาดใหญ่ ๆ โดยไม่ส่งผลกระทบมากต่อราคาหรือความสามารถในการทำธุรกรรม
-สภาพคล่องของตลาดที่ดีทำให้นักลงทุนสามารถทำกำไรหรือขาดทุนได้โดยไม่มีความยุ่งยากมาก
สภาพคล่อง ในตลาด Forex บ่งบอกถึงสองปัจจัยหลัก คือ
-ความสามารถใน การซื้อและขายเงินตราต่างประเทศ (foreign currencies) ในตลาดนี้โดยมีความสะดวกและรวดเร็ว นั่นหมายความว่าสภาพคล่องดี
-สภาพคล่องมักเกี่ยวข้องกับความเสถียรของราคาของคู่สกุลเงินต่างประเทศ ราคาที่มีความเสถียรจะช่วยลดความเสี่ยงในการทำธุรกรรมและสร้างความมั่นใจให้กับผู้เทรดและนักลงทุน
สภาพคล่องในตลาดฟอเร็กซ์จะอยู่ในระดับสูงในช่วงเวลาที่มีกิจกรรมการซื้อขายมากที่สุด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการทำการซื้อขายจากทั่วโลกแต่จะเปิดในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน โดยตลาด Forex เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ตลอด 5 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งสามารถแบ่งเป็นสามโซนหลัก ๆ คือ โซนเอเชีย, โซนยุโรป, และโซนอเมริกา แต่ละโซนมีช่วงเวลาที่เปิด-ปิดที่ต่างกัน ซึ่งสร้างความคล่องใน ตลาดฟอเร็กซ์ ตลอดเวลา
ศึกษาช่วงเวลา การซื้อขาย ของ forex markets เพิ่มเติม:
https://www.startrader.com/th/knowledge-basics/trading-session/
สภาพคล่องในตลาด Forex มีผลต่อราคาของ คู่เงิน ถ้าสภาพคล่องที่ดีช่วยให้ราคามีความเสถียรและไม่มีการผันผวนมาก แต่ถ้ามีเหตุการณ์ที่ส่งผลให้ผู้ลงทุนไม่มั่นใจเกี่ยวกับตลาด เช่น ข่าวสารทางเศรษฐกิจหรือเหตุการณ์ทางการเมือง จะส่งผลให้สภาพคล่องอาจจะลดลงและทำให้ราคาผันผวนมากขึ้น
นอกจากนี้สกุลเงินที่มีสภาพคล่องดี จะส่งผลให้ค่าสเปรดแคบลง สเปรดคือค่าธรรมเนียมที่เทรดเดอร์ต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์ในการเข้าทำการซื้อขายคู่เงินนั้นๆ
คู่ฟอเร็กซ์ (Forex pairs) แบ่งออกเป็น 3 ประเภทตามความถี่และปริมาณการซื้อขายดังนี้:
Major Pairs (คู่สกุลเงินหลัก): คู่สกุลเงินหลักคือคู่สกุลเงินที่มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุดในตลาด Forex ประกอบด้วยสกุลเงินหลักของประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ ๆ ซึ่งมีต่อไปนี้
-EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ)
-USD/JPY (ดอลลาร์สหรัฐ/เยน)
-GBP/USD (ปอนด์สเตอร์ลิง/ดอลลาร์สหรัฐ)
-AUD/USD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย/ดอลลาร์สหรัฐ)
-USD/CHF (ดอลลาร์สหรัฐ/ฟรังก์สวิส)
-USD/CAD (ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์แคนาดา)
-NZD/USD (ดอลลาร์นิวซีแลนด์/ดอลลาร์สหรัฐ)
Minor Pairs (คู่สกุลเงินรอง): คู่สกุลเงินรองคือคู่สกุลเงินที่ไม่ใช่คู่สกุลเงินหลัก แต่ยังมีความนิยมและมีปริมาณการซื้อขายสูง ตัวอย่างของคู่สกุลเงินรองรวมถึง
-EUR/GBP (ยูโร/ปอนด์สเตอร์ลิง)
-EUR/AUD (ยูโร/ดอลลาร์ออสเตรเลีย)
-GBP/JPY (ปอนด์สเตอร์ลิง/เยน)
-AUD/JPY (ดอลลาร์ออสเตรเลีย/เยน)
-EUR/JPY (ยูโร/เยน)
Exotic Pairs (คู่สกุลเงินเอ็กโซติก): คู่สกุลเงินเอ็กโซติกคือคู่สกุลเงินที่มีสกุลเงินหนึ่งเป็นสกุลเงินของประเทศที่มีเศรษฐกิจน้อยหรือตลาด Forex ไม่ค่อยนิยม ประกอบด้วยสกุลเงินที่ไม่ใช่สกุลเงินหลักหรือรอง ตัวอย่างเช่น
-USD/TRY (ดอลลาร์สหรัฐ/ลีราตุรกี)
-EUR/TRY (ยูโร/ลีราตุรกี)
-USD/SGD (ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์สิงคโปร์)
-EUR/SGD (ยูโร/ดอลลาร์สิงคโปร์)
-USD/ZAR (ดอลลาร์สหรัฐ/แรนด์แอฟริกาใต้)
ความถี่และปริมาณการซื้อขายของแต่ละคู่สกุลเงินอาจแตกต่างกัน คู่สกุลเงินหลักมีปริมาณการซื้อขายมากที่สุด ในขณะที่คู่สกุลเงินเอ็กโซติกมีปริมาณการซื้อขายน้อยกว่า การเลือกคู่สกุลเงินที่เหมาะสมสำหรับการเทรดขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และสไตล์การเทรดของแต่ละท่าน
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อสภาพคล่องในตลาด Forex ที่ส่งผลต่อความสามารถในการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ (foreign exchange liquidity) มีดังนี้ :
-ปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume) ในตลาด Forex เป็นตัวบ่งชี้สำคัญของสภาพคล่อง ปริมาณการซื้อขายมากทำให้ตลาดมีความสามารถในการแลกเปลี่ยนเงินมากขึ้น
-สภาพคล่องมักเกี่ยวข้องกับความเสถียรของราคา (Price Stability) ราคาที่มีความเสถียรจะสร้างความมั่นใจให้กับผู้เทรดและนักลงทุน
-ความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลและข่าวสารทางเศรษฐกิจและการเงินมีผลต่อสภาพคล่อง เนื่องจากข้อมูลที่รวดเร็วและเชื่อถือได้สามารถสร้างการเคลื่อนไหวในตลาด
-ความนิยมของคู่สกุลเงิน (Currency Pair Popularity) มีผลต่อความคล่องของตลาด คู่สกุลเงินที่มีความนิยมสูงมักมีสภาพคล่องที่ดีกว่า
-สภาพคล่องมักมีการเปลี่ยนแปลงตลอดวัน จะมีการเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่มีการซื้อขายมากที่สุด ซึ่งจะเกิดขึ้นระหว่างช่วงเวลาที่ตลาดเปิด
-สภาพคล่องมักถูกกระตุ้นจากข่าวสารทางเศรษฐกิจและการเงิน เช่นข้อมูลการเศรษฐกิจชาติหรือสหภาพยุโรป (EU) การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง อาจมีผลต่อความคล่องในตลาด Forex
การซื้อขายอนุพันธ์มีความเสี่ยงสูงและอาจไม่เหมาะสําหรับทุกคน