การเรียนรู้วิธีอ่านกราฟฟอเร็กซ์เป็นหนึ่งในขั้นตอนแรก ๆ ที่เทรดเดอร์ควรทำความเข้าใจก่อนเข้าสู่การซื้อขาย กราฟ Forex มีด้วยกันหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทกราฟมีลักษณะและวิธีการในการแสดงข้อมูลที่แตกต่างกัน แต่วัตถุประสงค์หลักของการใช้งานมักเหมือนกันคือการให้ข้อมูลที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์และตัดสินใจการเทรดในตลาด Forex โดยอาจมีการเลือกใช้ประเภทของกราฟที่เหมาะสมกับสไตล์และวิธีการวิเคราะห์ของแต่ละผู้เทรด
สำหรับบทความนี้ STARTRADER จะมาพูดถึงวิธีการอ่านกราฟขั้นพื้นฐานที่เทรดเดอร์ทุกคนควรจะรู้ หากเทรดเดอร์มีความเข้าใจแล้ว กราฟจะช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจการซื้อขายฟอเร็กซ์ออนไลน์ รวมถึงวิธีการทำงานของตลาด กราฟจะเป็นส่วนสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิคซึ่งช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา ระบุจุดเข้าและออกในการซื้อขาย และช่วยในตัดสินใจว่าจะวางคำสั่งหยุดขาดทุนและทำกำไรที่ใด
กราฟ Forex เป็นการแสดงข้อมูลราคาของสกุลเงินต่าง ๆ ในตลาดการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตรา (Forex Market) ในรูปแบบของ chart ซึ่งรวมถึงข้อมูลเชิงกราฟิกและตัวเลข เพื่อช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มราคาและตัดสินใจการซื้อ-ขายสกุลเงินต่าง ๆ ในตลาด Forex
กราฟ Forex สามารถแสดงข้อมูลราคาต่าง ๆ ของสกุลเงิน เช่น ราคาเปิด (Open Price), ราคาสูงสุด (High Price), ราคาต่ำสุด (Low Price), ราคาปิด (Close Price) และข้อมูลเพิ่มเติมอื่น ๆ เช่น ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ในช่วงเวลาที่กำหนด
มีหลายรูปแบบของกราฟ Forex ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เช่น Line Chart (กราฟเส้น), Bar Chart (กราฟแท่ง), Candlestick Chart (กราฟแท่งเทียน) ซึ่งแต่ละรูปแบบมีวิธีการแสดงข้อมูลและการใช้งานที่แตกต่างกันไป แต่เป้าหมายหลักของทุกๆ รูปแบบก็คือการช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาและการตัดสินใจการเทรดในตลาด Forex อย่างมีประสิทธิภาพ
กราฟแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนของคู่สกุลเงินในช่วงเวลาหนึ่ง เทรดเดอร์ที่ซื้อและขายสกุลเงินผ่านแพลตฟอร์มการซื้อขายของโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์จะดูกราฟเดียวกันและหาข้อสรุปจากกราฟเหล่านั้น แต่ละกราฟแสดงอัตราแลกเปลี่ยนของคู่สกุลเงิน ตัวอย่างเช่น คู่สกุลเงินที่พบบ่อยที่สุดบางคู่คือ EUR/USD และ JPY/USD
กราฟ EUR/USD จะแสดงจำนวนดอลลาร์ที่คุณสามารถซื้อได้ด้วยหนึ่งยูโร สกุลเงินแรกเรียกว่าสกุลเงิน “base” และสกุลเงินที่สองเรียกว่าสกุลเงิน “quote” และเส้นเลื้อยบนแผนภูมิจะบอกคุณว่า 1 ยูโรมีค่าใช้จ่ายเป็น USD ในช่วงเวลาที่เลือก
เมื่อเส้นสูงขึ้น นั่นหมายความว่ายูโรจะมีราคาซื้อ USD มากขึ้น และเมื่อราคาลดลง นั่นหมายความว่า EUR ถูกกว่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ กราฟจะบอกคุณเมื่อถึงเวลาซื้อและเมื่อถึงเวลาขาย
กราฟประเภทใดที่เทรดเดอร์ต้องการขึ้นอยู่กับสไตล์การซื้อขายของคุณ เทรดเดอร์บางคนชอบเดิมพันจากความผันผวนของราคารายวัน ในขณะที่คนอื่นๆ อาจจะลงทุนระยะยาว โดยทั่วไป การอ่านกราฟฟอเร็กซ์เป็นการทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสองสกุลเงิน แผนภูมิเหล่านี้จะแสดงข้อมูล เช่น ราคาเปิด สูง ต่ำ และราคาปิดของคู่สกุลเงิน สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญเนื่องจากการรู้ว่าราคาเหล่านี้คืออะไร หมายความว่าคุณจะรู้ว่าเมื่อใดคุณสามารถซื้อต่ำและขายสูงได้
เปิด: ราคาเมื่อเริ่มต้นช่วงเวลา
สูง: ราคาสูงสุดที่ซื้อขายระหว่างช่วงเวลาหนึ่ง
ต่ำ: ราคาต่ำสุดที่ซื้อขายระหว่างช่วงเวลาหนึ่ง
ปิด: ราคาที่สิ้นสุดในช่วงเวลา
เมื่อคุ้นเคยกับกราฟเหล่านี้ เทรดเดอร์จะสามารถระบุรูปแบบในกราฟได้ เช่น ราคามีแนวโน้มขึ้นหรือลง หรือราคานิ่ง และจะช่วยให้เทรดเดอร์ค้นพบโอกาสและกำหนดกลยุทธ์การซื้อขายฟอเร็กซ์ในวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ระยะเวลาที่แสดงบนกราฟฟอเร็กซ์จะขึ้นอยู่กับกรอบเวลาที่เลือก กรอบเวลาในกราฟ Forex หมายถึงช่วงเวลาเทรดเดอร์ที่กำหนดไว้สำหรับแสดงข้อมูลราคาของสกุลเงินต่าง ๆ ภายในช่วงเวลานั้น การเลือกใช้กรอบเวลาที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากมีผลต่อวิเคราะห์และการตัดสินใจในการเทรด
แผนภูมิฟอเร็กซ์จำนวนมากถูกตั้งค่าเป็นช่วงเวลารายวันตามค่าเริ่มต้น โดยจะแสดงข้อมูลการซื้อขายในช่วง 24 ชั่วโมง กรอบเวลาที่สามารถใช้งานในกราฟมีตั้งแต่ นาทีจนถึงเดือน การเลือกใช้กรอบเวลานั้นขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และสไตล์การเทรดของแต่ละบุคคล บางคนอาจต้องการเทรดในระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อทำกำไรทันที ในขณะที่คนอื่นๆ อาจต้องการวิเคราะห์แนวโน้มราคาในระยะยาวขึ้น โดยทั่วไปแล้ว กรอบเวลาที่เป็นที่นิยมสำหรับผู้เริ่มต้นคือ 1 ชั่วโมง (1 Hour) และ 4 ชั่วโมง (4 Hours) เนื่องจากมีความเหมาะสมทั้งในการวิเคราะห์แนวโน้มราคาและในการทำกำไรในระยะเวลากลาง ๆ ในขณะที่ผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่าอาจใช้กรอบเวลายาวยิ่งกว่าเช่น 1 วัน (Daily) หรือ 1 เดือน (Monthly) เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มราคาในระยะยาวและการคาดการณ์เหตุการณ์ที่มีผลต่อตลาดในอนาคต
ในกราฟ Forex หรือในกราฟการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ มี ‘เวลา’ ตามแกน x แนวนอนและมี ‘ราคา’ บนแกน y แนวตั้ง แกนราคาและเวลามีหน้าที่สำคัญในการแสดงข้อมูลราคาและเวลาของการเทรดสกุลเงิน ซึ่งหมายความว่าเราสามารถดูราคาในอดีตได้เมื่อเราย้ายไปทางด้านซ้ายของกราฟ วันที่และเวลาที่แสดงจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าเทรดเดอร์จะซูมเข้าหรือออกแผนภูมิอย่างไร ยิ่งซูมออกมากเท่าใดจะเห็นการเคลื่อนไหวของราคาในอดีตมากขึ้นเท่านั้น
ลักษณะของแกนราคาและเวลาจะมีดังนี้
แกนราคา (Price Axis): แกนที่แสดงราคาของสกุลเงิน แกนราคาจะอยู่ในแนวดิ่ง (แกน Y) และจะมีเลขที่บ่งชี้ระดับราคาต่าง ๆ ที่ถูกแสดงบนกราฟ เช่น 1.1000, 1.1050, 1.1100 เป็นต้น
แกนเวลา (Time Axis): แกนที่แสดงช่วงเวลาหรือเวลาที่แตกต่างกันของการเทรด แกนเวลาจะอยู่ในแนวนอน และจะแสดงเวลาหรือช่วงเวลาที่กำหนดไว้ เช่น 09:00, 10:00, 11:00 เป็นต้น หรืออาจแสดงวันที่ เช่น 01/01/2023, 02/01/2023 เป็นต้น
การใช้แกนราคาและเวลาในกราฟ Forex ช่วยให้ผู้เทรดสามารถวิเคราะห์แนวโน้มของราคาและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กำหนดได้อย่างชัดเจน และช่วยให้สามารถตัดสินใจการเทรดในตลาด Forex ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามแนวโน้มและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาด
Exchange Rate Pricing ในตลาด Forex มักถูกแสดงในรูปแบบของ pips (คำย่อของ “percentage in point” หรือ “price interest point”) ซึ่งเป็นหน่วยที่ใช้ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาของสกุลเงิน โดยส่วนใหญ่จะถูกแสดงในทศนิยมสี่ตำแหน่งหลังจุดทศนิยมหลัก เช่น 0.0001 สำหรับการจับคู่สกุลเงินเยนของญี่ปุ่น (JPY) จะมีการวัดเป็นทศนิยมสองตำแหน่ง
Pips มักถูกใช้ในการกำหนดความเปลี่ยนแปลงของราคา โดยส่วนใหญ่จะถูกใช้เมื่อกำหนดการเปิดหรือปิดการทำธุรกรรมในตลาด Forex แต่ในบางกรณีก็อาจถูกใช้ในการระบุ stop-loss นี่เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเทรดเดอร์สามารถกำหนดกำไรหรือขาดทุนทางการเงินได้ เมื่อเปิด trading ticket เพื่อทำการซื้อขาย เทรดเดอร์ต้องกรอกปริมาณหรือขนาดตำแหน่งการซื้อขาย โดยวัดเป็นหน่วยล็อต
ตัวอย่างการใช้ pips:
หากซื้อที่ 1.1105 และขายที่ 1.1034 จะสูญเสีย 71 pip หากหนึ่ง pip มีมูลค่า $10 แสดงว่าคุณสูญเสีย $710 (71 pip * $10)
หากขายที่ 1.1105 และซื้อคืนที่ 1.1034 จะได้รับ 71 pip ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถทำกำไรได้ $710
ตัวเลขจะแตกต่างกันไปตามคู่สกุลเงินที่ซื้อขายและขนาดตำแหน่ง การวัดด้วย pips ช่วยให้นักลงทุนสามารถวัดความเสี่ยงและผลกำไรได้อย่างชัดเจน และใช้เป็นเครื่องมือในการตัดสินใจในการเข้าทำธุรกรรมในตลาด Forex อย่างมีประสิทธิภาพ
Line Chart (กราฟเส้น) เป็นหนึ่งในรูปแบบของกราฟที่ใช้ในการแสดงข้อมูลราคาของสกุลเงินในตลาด Forex โดยมักจะใช้เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของราคาตลาดในระยะเวลาที่กำหนดไว้ เส้นที่วาดบนกราฟนี้จะเชื่อมโยงระหว่างราคาปิดของสกุลเงินในแต่ละช่วงเวลาที่กำหนด เนื่องจากใช้ราคาปิดเท่านั้น จึงไม่สามารถแสดงข้อมูลเพิ่มเติมเช่น ราคาสูงสุด, ราคาต่ำสุด, หรือปริมาณการซื้อขายได้ ทำให้เหมาะสำหรับการวิเคราะห์แนวโน้มราคาอย่างง่าย ๆ และใช้เพื่อการประมาณการเท่านั้นในบางครั้ง
ในกราฟเส้น แกน X จะแสดงเวลาหรือช่วงเวลาที่กำหนดไว้ และแกน Y จะแสดงราคาของสกุลเงิน เส้นที่วาดจะเชื่อมโยงจุดที่แทนราคาปิดของสกุลเงินในแต่ละช่วงเวลา เมื่อเชื่อมโยงเส้นต่อกันไป จะสร้างเส้นกราฟเส้นที่แสดงแนวโน้มของราคาตลาดในช่วงเวลานั้น ๆ
การใช้ Line Chart เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาแนวโน้มของราคาในระยะเวลาที่ยาวนาน หรือผู้ที่ต้องการประมาณการการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต โดยทั่วไป Line Chart จะใช้ร่วมกับรูปแบบของกราฟอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความชัดเจนในการวิเคราะห์และตัดสินใจการเทรดในตลาด Forex ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Bar Chart (กราฟแท่ง) เป็นหนึ่งในรูปแบบของกราฟที่ใช้ในการแสดงข้อมูลราคาของสกุลเงินในตลาด Forex โดยแต่ละแท่งจะแสดงข้อมูลสำคัญที่สามารถให้ข้อมูลต่าง ๆ ได้ภายใต้กรอบเวลาที่กำหนด เช่น ราคาเปิด, ราคาสูงสุด, ราคาต่ำสุด, และราคาปิดของสกุลเงินในแต่ละช่วงเวลา
โดยทั่วไปแล้ว แต่ละแท่งใน Bar Chart จะมีข้อมูลดังนี้
ข้อมูลเปิด (Open): ราคาที่เกิดการเทรดครั้งแรกในช่วงเวลาที่กำหนด
ข้อมูลสูงสุด (High): ราคาสูงสุดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กำหนด
ข้อมูลต่ำสุด (Low): ราคาต่ำสุดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กำหนด
ข้อมูลปิด (Close): ราคาที่เกิดการเทรดครั้งสุดท้ายในช่วงเวลาที่กำหนด
แท่งจะถูกวาดขึ้นตามข้อมูลเหล่านี้ โดยแท่งจะมีแนวตั้งที่ยาวแสดงถึงช่วงราคาสูงสุดและต่ำสุด และมีเส้นนอนที่แสดงราคาเปิดที่ด้านซ้ายของแท่ง และราคาปิดที่ด้านขวาของแท่ง การใช้ Bar Chart ช่วยให้ผู้เทรดสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาในแต่ละช่วงเวลาได้ง่ายขึ้น และสามารถวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของตลาด Forex ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Candlestick Chart (กราฟแท่งเทียน) เป็นหนึ่งในรูปแบบของกราฟที่ใช้ในการแสดงข้อมูลราคาของสกุลเงินในตลาด Forex โดยมักจะใช้เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของราคาและความเปลี่ยนแปลงในตลาด
แต่ละแท่งเทียนใน Candlestick Chart จะแสดงข้อมูลหลายๆ ประเภทที่มีความสำคัญเกี่ยวกับการซื้อขายในช่วงเวลาที่กำหนด โดยมีส่วนสำคัญคือ
ส่วนต่ำสุด (Lower Wick): แท่งเทียนจะมีเส้นตั้งที่แสดงระดับราคาต่ำสุดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา
ร่างกลาง (Body): ส่วนกลางของแท่งเทียน แสดงระหว่างราคาเปิดและปิด มีสีที่แตกต่างกันระหว่างการเปิด
และปิดขึ้นอยู่กับแนวโน้มของราคา (เช่น สีเขียวสำหรับการเพิ่มราคา และสีแดงสำหรับการลดราคา)
ส่วนสูงสุด (Upper Wick): แท่งเทียนจะมีเส้นตั้งที่แสดงระดับราคาสูงสุดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา
โดยทั่วไปแล้ว ถ้าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะมีสีเขียวหรือสีขาว และถ้าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะมีสีแดงหรือสีดำ และลักษณะของแท่งเทียนจะช่วยให้ผู้เทรดสามารถตีความแนวโน้มของตลาด Forex ได้อย่างชัดเจน Candlestick Chart ช่วยให้ผู้เทรดสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างชัดเจนและสามารถใช้ในการวิเคราะห์และตัดสินใจการเทรดในตลาด Forex อย่างมีประสิทธิภาพ
การทำความเข้าใจกราฟ Forex เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่จะช่วยในการวิเคราะห์และตัดสินใจการเทรด เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและปฏิบัติฝึกหัดอย่างต่อเนื่องเพื่อเรียนรู้และประสบความสำเร็จในการซื้อขายในตลาด Forex อย่างมีประสิทธิภาพ
การซื้อขายอนุพันธ์มีความเสี่ยงสูงและอาจไม่เหมาะสําหรับทุกคน
เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ โปรดตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงชั่วโมงซื้อขายของผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้ตามวันหยุดประจำเดือนธันวาคม โปรดดูตารางด้านล่างสำหรับตราสารอนุพันธ์ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง: วันที่ 24 ธันวาคม 2024 (วันอังคาร) 25 ธันวาคม 2024 (วันพุธ) 26 ธันวาคม 2024…
เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ โปรดตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงชั่วโมงซื้อขายของผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้ตามวันหยุดประจำเดือนธันวาคม โปรดดูตารางด้านล่างสำหรับตราสารอนุพันธ์ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง วันที่ 16 ธันวาคม 2024 (วันจันทร์) 23 ธันวาคม 2024 (วันจันทร์) วันหยุด วันแห่งการปรองดอง คริสต์มาสอีฟ…
Dear Valued Clients, The global gold market has experienced significant volatility recently, with market liquidity…
เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ ขอเรียนให้ทราบว่าผลิตภัณฑ์ซื้อขาย CFD ต่อไปนี้จะโรลโอเวอร์อัตโนมัติตามวันที่ระบุไว้ในตารางด้านล่างนี้ เนื่องจากอาจมีความแตกต่างของราคาระหว่างสัญญาเก่าและใหม่ จึงขอแนะนำให้ลูกค้าตรวจสอบและจัดการโพสิชันของคุณตามความเหมาะสม วันหมดอายุ: สัญลักษณ์ คำอธิบาย วันที่ JPN225ft Japan 225 Index Future…
ในการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ นักลงทุนควรใช้ตัวชี้วัดการเทรดที่มีประสิทธิภาพเพื่อประเมินผลการลงทุนของตนเอง ตัวชี้วัดเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยในการตัดสินใจในการซื้อขาย แต่ยังช่วยให้คุณวัดประสิทธิภาพและปรับปรุงกลยุทธ์การลงทุนของคุณได้อย่างต่อเนื่อง นี่คือตัวชี้วัดสำคัญที่นักลงทุนทุกคนควรรู้ 1. อัตราการชนะ (Win Rate) คือสัดส่วนของจำนวนการเทรดที่ประสบความสำเร็จเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนการเทรดทั้งหมดที่ดำเนินการ โดยเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยในการประเมินประสิทธิภาพของกลยุทธ์การลงทุนหรือการเทรด อัตราการชนะบ่งบอกถึงความสามารถในการทำกำไรจากการเทรด และเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้คุณทราบว่าแนวทางการเทรดของคุณมีประสิทธิภาพเพียงใด วิธีการคำนวณ: ตัวอย่าง:…
เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ โปรดตรวจสอบตารางการเปลี่ยนแปลงชั่วโมงซื้อขายประจำเดือนพฤศจิกายนด้านล่างนี้ โปรดดูตารางด้านล่างสำหรับตราสารอนุพันธ์ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง: วันที่ 27 พฤศจิกายน 2024(วันพุธ) 28 พฤศจิกายน 2024(วันพฤหัส) 29 พฤศจิกายน 2024(วันศุกร์) 30 พฤศจิกายน…