พอร์ตแตก คือ สถานการณ์ที่เทรดติดลบและเทรดเดอร์ไม่มีหลักประกันมากพอจะจ่ายส่วนที่ติดลบ ภาษาอังกฤษ เรียกว่า Stop Out หรือการโดนบังคับปิด Position อัตโนมัติ โดยโบรกเกอร์เนื่องจากระดับมาร์จิ้นของคุณต่ำเกินไปที่จะรักษาตำแหน่งที่เปิดไว้ ตามระดับเปอร์เซ็นต์ที่กำหนดไว้ของแต่ละโบรกเกอร์ ที่หมายถึงระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ในบัญชีการเทรดนั้น การเกิด Stop Out จะทำให้ออร์เดอร์ที่ยังคงเปิดอยู่ถูกปิดโดยอัตโนมัติโดยโบรกเกอร์เพื่อป้องกันการเกิดหนี้ที่เกินกว่าเงินทุนที่มีอยู่ในบัญชี

10 สาเหตุที่ทำให้เทรดเดอร์ Forex พอร์ตแตก 

– Overtrade 

– Money Management ของพอร์ต ไม่ได้รับการจัดการวางแผนที่ดี

– ไม่เข้าใจคำศัพท์ที่ใช้ในการเทรด

– โลภ

– การเทรดผิดทางแล้วไม่ตั้ง Stop loss หรือ ไม่ยอม Cut loss

– มีความมั่นใจมากเกินไป

– ไม่เทรดด้วยตัวเอง

– การใช้ Leverage สูงจนเกินไป 

– ระบบเทรด

– ซื้อ EA หรือ Signal ของคนอื่นใช้ โดยไม่เรียนรู้เอง

แล้วถึงเวลาที่เราต้องล้างพอร์ตแล้วหรือยัง?

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เทรดเดอร์จะตัดสินใจล้างพอร์ตตัวเองเพื่อเริ่มต้นการเทรดใหม่ หลักการง่ายๆ ที่เทรดเดอร์สามารถใช่พิจารณาว่าควรไปต่อดีหรือไม่ มีดังนี้

– รับมือกับสภาวะขาดทุนได้มากน้อยแค่ไหน ทำการทบทวนความเสี่ยงที่รับได้จากการลงทุนครั้งนี้ ถ้าเยอะเกินไปจนไม่สามารถรับได้ เทรดเดอร์อาจจะทำการล้างพอร์ตเพื่อเริ่มต้นใหม่

– ทบทวนวัตถุประสงค์ในการเทรดอีกครั้ง เทรดเดอร์จะทำการเทรดเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น หรือลงทุนระยะยาว จะช่วยให้เทรดเดอร์กำหนดทิศทางการเทรดได้ง่ายมากขึ้น

– สิ่งสำคัญอีกอย่าง ที่เทรดเดอร์ไม่ควรละเลย คือสภาพคล่องของเทรดเดอร์ ถ้าขาดทุนเยอะเกินไปจนขาดสภาวะสภาพคล่อง เทรดเดอร์ควรพิจารณาการล้างพอร์ต พักการเทรดแล้วค่อยเริ่มต้นใหม่จนกว่าจะมีการเงินที่ดีขึ้น

วิธีรับมือเมื่อเจอสถานการณ์พอร์ตแตก

 

– พักการเทรด และตั้งสติ หลังจากเทรดเสียเยอะๆ เทรดเดอร์ควรเอาตัวเองออกมาจากจุดเดิม พักสมองแล้วค่อยเริ่มต้นการเทรดใหม่ การที่เทรดเดอร์โฟกัสอยู่กับความผิดพลาดแล้วทำการเทรดต่อ อาจจะทำให้เกิดการสูญเสียมากยิ่งขึ้น ทางออกที่ดีที่สุดคือ ตั้งสติและใช้เวลาเพิ่มทักษะการเทรดต่างๆ ก่อนทำการเทรดใหม่อีกครั้ง

– ล้างบัญชีเทรดใหม่ หยุดซื้อขาย ถ้ายังมีเงินเหลือ ให้ทำการถอนเงินนั้นออกมา เพื่อตัดจากการเทรด

– หาสาเหตุที่พอร์ตแตก สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดการล้างพอร์ต ได้แก่ ความล้มเหลวของระบบ ขาดการศึกษาตลาด เทรดเยอะเกินไป การทำบันทึก หรือแผนการเทรดก็เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่จะช่วยให้เทรดเดอร์ลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

– ศึกษาวิธีป้องกันเพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองเทรดเกินกำหนด และศึกษากลยุทธ์การเทรด เช่น การใช้ Stop Loss เพื่อหยุดการเทรดไม่ให้ขาดทุนมากเกินไป

– มีเป้าหมายในการเทรดทุกครั้ง เริ่มต้นด้วยการเทรดจำนวนน้อยๆ เพื่อดูตลาด พอมีความมั่นใจมากขึ้น หรือมีแบบแผนมากขึ้นค่อยเพิ่มจำนวนการเทรดตามที่มีกำลัง

– อย่าเทรดกับโบรกเกอร์เถื่อน เพราะอาจจะทำให้คุณล้างพอร์ตได้

วิธีป้องกันพอร์ตแตก

– รู้วิธีใช้ Money Management บริหารจัดการเงินทุน เพื่อไม่ให้เทรดเดอร์โอเวอร์เทรด (Overtrade)

– รู้จักใช้เทคนิคเทรดเช่น Stop loss 

– ปิดออเดอร์ที่ขาดทุนมากเกินไป

– ระมัดระวังในการใช้ Leverage ควรใช้ Leverage ที่ต่ำ

– หลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงที่ตลาดผันผวนสูง

– คอยติดตามการเทรดอย่างสม่ำเสมอ 

– เติมเงินเข้าพอร์ตให้ระดับ Margin Level อยู่สูงกว่า Stop Out ตามที่โบรกกำหนด เพื่อป้องกันพอร์แตก

– ใช้เทคนิค Trailing stop เป็นเครื่องมือที่ใช้ป้องกันการ Stop out ใน Forex 

Trailing stop คือ ช่วยให้เทรดเดอร์กำหนดระดับ Stop out ที่เคลื่อนไหวในตลาด เพื่อป้องกันตำแหน่งซื้อขาย Trailing stop จะเคลื่อนที่ไปในทิศทางของการเทรดเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าเทรดเดอร์สามารถล็อกกำไรได้ในขณะที่ลดความเสี่ยงให้น้อยที่สุด เทรดเดอร์สามารถปรับ Trailing stop ของพวกเขาตามเงื่อนไขของตลาด เพื่อให้มั่นใจว่าการซื้อขายของพวกเขานั้นปลอดภัย

โดยสรุป การป้องกันพอร์ตแตกในการซื้อขาย Forex จำเป็นต้องมีการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม ใช้เลเวอเรจที่ต่ำกว่า หลีกเลี่ยงการซื้อขายในช่วงที่มีความผันผวนสูง ตรวจสอบการซื้อขายของคุณอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการใช้กลยุทธ์เหล่านี้ เทรดเดอร์สามารถลดโอกาสที่พอร์ตจะแตกได้ โปรดจำไว้ว่าการซื้อขาย Forex คือการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งเร็ว และต้องมีระเบียบวินัยและความอดทนและปฏิบัติตามแผนการเทรดของคุณ 

*การซื้อขายและลงทุนใน Forex และ CFD มีความเสี่ยงสูง อาจทำให้สูญเสียมากกว่าเงินทุนทั้งหมด