Knowledge Basics

เจาะลึก ความผันผวนในตลาด Forex ก่อนทำการเทรด (Volatile Market)

ความผันผวนในตลาดฟอเร็กซ์คืออะไร?

ความผันผวนหมายถึงความผันผวนของราคาสินทรัพย์ วัดความแตกต่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิดในช่วงเวลาหนึ่ง

ตลาดที่มีความผันผวนสูงหรือ volatile market นั้นสามารถแสดงถึงตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงราคาของสินทรัพย์หรือหลักทรัพย์อย่างรวดเร็วและรุนแรง สาเหตุที่ทำให้ตลาดเป็น volatile อาจมาจากปัจจัยต่างๆ เช่น

– ข่าวเศรษฐกิจและการเมือง: ข่าวสารที่มีผลต่อเศรษฐกิจหรือการเมืองสามารถสร้างความผันผวนในตลาดได้ เช่น การประกาศนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลหรือข่าวเกี่ยวกับการเซ็นทรัลบังคับคดี

– ปัจจัยทางเทคนิค: การแพร่กระจายข่าวสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์หรือการเทรดแบบอัลกอริทึมสามารถส่งผลให้ตลาดเปลี่ยนแปลงได้โดยรวดเร็ว อย่างเช่นการทำธุรกรรมโดยใช้เทคโนโลยี Blockchain

– แรงขับเคลื่อนในตลาด: ความผันผวนอาจเกิดจากแรงขับเคลื่อนในตลาด เช่น ภาวะเศรษฐกิจของประเทศหรือกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง

– การซื้อขายในตลาด: กระแสซื้อขายที่แข็งแกร่งหรือผลกระทบจากการซื้อขายของนักลงทุนใหญ่ อาจสร้างความผันผวนในตลาด

กลยุทธ์การทำกำไรจากความผันผวนในตลาด Forex

นักลงทุน Forex มักจะใช้กลยุทธ์มากมายเพื่อเพิ่มผลกำไรสูงสุดจากตลาดที่ผันผวน เทคนิคพื้นฐานที่นิยมนำไปใช้กันบ่อยๆ ได้แก่

การซื้อขายระยะสั้น: เทรดเดอร์ใช้ประโยชน์จากความผันผวนของราคาในระยะสั้นโดยการเข้าและออกจากการซื้อขายอย่างรวดเร็ว โดยการใช้เทคนิค Scalping หรือ Day trading เพื่อจับความเคลื่อนไหวของราคาและสะสมผลกำไรจากการซื้อขาย

การวิเคราะห์ทางเทคนิค: เทรดเดอร์ใช้อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคและรูปแบบกราฟต่างๆ เพื่อระบุจุดเข้าและออก ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลราคาในอดีต แนวโน้ม แนวรับและแนวต้าน และใช้อินดิเคเตอร์ อย่าง moving averages, oscillators, หรือ Bollinger Bands เพื่อทำการตัดสินใจซื้อขายอย่างแม่นยำ

กลยุทธ์ตามความผันผวน: เทรดเดอร์สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ตามสภาพความผันผวนของตลาด กลยุทธ์นี้จะระบุช่วงเวลาที่มีความผันผวนสูงและดำเนินการซื้อขายตามราคาที่วางไว้

การจัดการความเสี่ยง: การจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในตลาดที่ผันผวน เทรดเดอร์ใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การตั้งค่าคำสั่ง stop-loss ที่เหมาะสมเพื่อจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น ใช้ขนาด Position ที่เหมาะสม และกระจายพอร์ตการลงทุนในคู่สกุลเงินต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงโดยรวม

ข่าวสารและการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน: เทรดเดอร์สามารถติดตามข่าวเศรษฐกิจ การประกาศของธนาคารกลาง เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ และปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาสกุลเงิน และวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์เหล่านี้ ปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับการซื้อขาย

การป้องกันความเสี่ยง (Hedging): เทรดเดอร์ Forex อาจใช้กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงเพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่พึงประสงค์ Hedging คือการเปิดสถานะการซื้อขายใดเพื่อเป็นการชดเชยความเสี่ยง (Offset) จากการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ต่างๆ ที่จะเกิดในช่วงที่มีความผันผวน

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เทรดเดอร์ควรทราบ คือการซื้อขายในตลาดที่ผันผวนนั้นมีความเสี่ยงสูงกว่า เทรดเดอร์ควรใช้ความระมัดระวัง มีแผนการซื้อขายที่ชัดเจน และเตรียมพร้อมสำหรับการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นอยู่เสมอ

กลยุทธ์ Straddle

คือการที่เทรดเดอร์ซื้อ(หรือขาย) call option และ put option อย่างละ 1 สัญญา ที่มีราคาใช้สิทธิ (strike price) และวันครบกำหนดอายุ (expiration date) ที่เป็นอันเดียวกัน กลยุทธ์นี้ช่วยให้เทรดเดอร์ได้กำไรจากทิศทางการเปลี่ยนแปลงของราคา 

ตัวอย่างเช่น 

สมมติว่าเทรดเดอร์ซื้อ call option และ put option บนหุ้นด้วยราคาใช้สิทธิที่ $40 และเวลาครบกำหนดในสามเดือน สมมติว่าราคาหุ้นปัจจุบันของหุ้นอ้างอิงอยู่ที่ 40 ดอลลาร์เช่นกัน ดังนั้น option ทั้งสองจึงซื้อขายที่เงินเท่ากัน ลองนึกภาพว่า Annual risk-free rate ต่อปีคือ 2%  และ Annual standard deviation ของการเปลี่ยนแปลงราคาอ้างอิงคือ 20% จากตัวอย่างโมเดลของ Black-Scholes เราสามารถประเมินได้ว่าราคา call option คือ $1.69 และ put option คือ $1.49 

ต้นทุนของกลยุทธ์นี้ ประกอบด้วยผลรวมของราคา call และ put ที่ $3.18 กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Long position ทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคา ไม่ว่าราคาอ้างอิงจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงก็ตาม 

สรุปกลยุทธ์ทำเงินจากความผันผวนภายใต้ทั้งราคาที่เพิ่มขึ้นและลดลงได้ ดังนี้

สถานการณ์ที่ 1

ราคาอ้างอิงเมื่อครบกำหนด สูงกว่า $40 ในกรณีนี้ put option จะหมดอายุโดยไม่มีค่าและเทรดเดอร์ใช้ call option เพื่อทำกำไร

สถานการณ์ที่ 2

ราคาอ้างอิงเมื่อครบกำหนดต่ำกว่า $40 ในกรณีนี้ call option จะหมดอายุโดยไม่มีค่าและเทรดเดอร์ใช้ put option เพื่อทำกำไร

การทำกำไรจากกลยุทธ์นี้ Trader ต้องใช้ความผันผวนที่สูงพอ เพื่อจะปิดต้นทุน ซึ่งเป็นผลรวมของเบี้ยประกันภัยที่จ่ายสำหรับ call option และ put option เทรดเดอร์ต้องใช้ความผันผวนที่มาก เพื่อให้ได้ราคาที่มากกว่า $43.18 หรือน้อยกว่า $36.82 เช่น ราคาเพิ่มขึ้นเป็น $45 ในกรณีนี้  Put option จะหมดอายุโดยไม่มีค่าและ Call จะจ่ายอยู่ที่ 45-40=5 ลบต้นทุนของ position เราจะได้กำไรสุทธิ 1.82

กลยุทธ์ Strangle

Long straddle position คือ การซื้อ (Long) put option ในราคาใช้สิทธิที่ต่ำ และซื้อ (Long) call option ในราคาใช้สิทธิที่สูง ต้นทุนของ position สามารถลดลงได้โดยการสร้าง option positions ที่คล้ายกับ straddle แต่คราวนี้ใช้วิธี out-of-the-money options หรือที่เรียก Position นี้ว่า “strangle” ที่รวมถึง out-of-the-money call และ out-of-the-money put เนื่องจาก options เป็น out-of-the-money กลยุทธ์นี้จึงมีราคาต่ำกว่าการ straddle 

Out-of-The-Money Call Options คือ Options ที่มีราคาใช้สิทธิ (Strike Price) สูงกว่าดัชนีปัจจุบัน ด้วย Strike Price ที่สูง ซื้อมาแล้วก็ยังต้องรอลุ้นโอกาสใช้สิทธิในอนาคตว่าราคาจะปรับตัวขึ้นหรือไม่ ซึ่งหากเป็นกรณี Put Options ที่เป็น OTM จะมีราคาใช้สิทธิต่ำกว่าดัชนีปัจจุบัน

ตัวอย่าง 

เทรดเดอร์คนที่สองซื้อ call option ด้วยราคาใช้สิทธิ์ที่ $42 และ Put Options ที่ราคาใช้สิทธิ์ $38 ด้วยทุกที่เหมือนเดิม ราคาของ call option เท่ากับ 0.82 ดอลลาร์ และราคาของ put option เป็น 0.75 ดอลลาร์ ดังนั้น cost of the position อยู่ที่ 1.57 ดอลลาร์ หรือ ประมาณ 49%

แม้ว่ากลยุทธ์นี้ไม่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากเมื่อเทียบกับ straddle แต่ก็ต้องการความผันผวนที่สูงกว่าในการสร้างรายได้ สามารถดูได้จากความยาวของลูกศรสีดำในกราฟด้านบน การทำกำไรด้วยกลยุทธ์นี้ ความผันผวนจะต้องสูงพอที่จะทำให้ราคาสูงกว่า $43.57 หรือต่ำกว่า $36.43

โดยสรุปแล้ว Straddle position เกี่ยวข้องกับ at-the-money call และ put options ส่วน Strangle position เกี่ยวข้องกับ out-of-the-money call และ put options สิ่งเหล่านี้สร้างขึ้นเพื่อรับประโยชน์จากความผันผวนของตลาดที่เพิ่มขึ้น 

วิธีวัดความผันผวน

การกำหนด Position size ที่ถูกต้อง เทรดเดอร์ต้องสามารถคาดเดาความผันผวนของสกุลเงินที่จะลงทุนได้ มีตัวบ่งชี้มากมายที่สามารถใช้วัดความผันผวนนี้

– อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค Average true range (ATR)

– เครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิค Donchian channels

– Moving averages (โดยการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่กับราคาปัจจุบัน)

เทรดเดอร์สามารถดูค่าความผันผวนแฝงบนราคาปัจุบัน ที่จะสะท้อนถึงระดับความผันผวนที่คาดไว้จาก สัญญาสิทธิ (Options)

ความผันผวนของสกุลเงินคำนวณโดย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation) หรือการผัวผวนของการเคลื่อนไหวราคาสกุลเงินในช่วงเวลานั้นๆ ความผันผวนที่สูงขึ้นหมายถึงการแกว่งของราคาที่มีนัยสำคัญมากขึ้นเหมาะสำหรับการเทรด อย่างไรก็ตามเทรดเดอร์ก็ควรระมัดระวังอย่ามั่นใจมากเกินไป ควรดูช่วงเฉลี่ยที่แท้จริงและสเปรดที่เป็นเปอร์เซ็นต์ของราคาสปอต (spot price) คู่สกุลเงินที่มีความผันผวนสูงมักจะมีความเสี่ยงด้านตลาดในระดับที่สูงขึ้น

สำหรับ ตลาด Forex เป็นตลาดที่มีความผันผวนสูงอย่างต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยต่างๆ ดังนี้:

– ปัจจัยเศรษฐกิจ: ข่าวเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อประเทศหรือภูมิภาคที่เกี่ยวข้อง อาจส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนเช่น การประกาศความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ การประชุมคณะกรรมการสุดยอด หรือการเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

– ความแปรปรวนในตลาดทางการเงิน: การประกาศนโยบายสังคม การเพิ่มหรือลดอัตราดอกเบี้ย หรือการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายเงินตราสามารถส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน

– สภาวะการค้าระหว่างประเทศ: ข่าวเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ ส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน เช่น นโยบายการค้าของประเทศ การติดต่อเพื่อการค้าระหว่างประเทศ หรือการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสภาวะการค้าระหว่างประเทศ

– ความผันผวนในตลาดทางการเงิน: กระแสซื้อขายที่แข็งแกร่งหรือผลกระทบจากการซื้อขายของนักลงทุนใหญ่ อาจสร้างความผันผวนในตลาด Forex

ความผันผวนในตลาด Forex มีความสำคัญต่อผู้ลงทุนอย่างไร

– โอกาสทางการค้า: ความผันผวนในตลาด Forex สร้างโอกาสทางการค้าให้กับผู้ลงทุน โดยสามารถซื้อขายสกุลเงินในระหว่างการเคลื่อนไหวราคา และทำกำไรจากความแตกต่างของอัตราแลกเปลี่ยน

– เครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง: การวางแผนและการจัดการความผันผวนในตลาด Forex เป็นการบริหารความเสี่ยงที่สำคัญในการลงทุน ผู้ลงทุนสามารถใช้เครื่องมือเช่น การตั้งระดับการขายและการซื้อ (Stop Loss และ Take Profit) เพื่อควบคุมความเสี่ยงในการเทรด

– การวิเคราะห์ตลาด: ความผันผวนในตลาด Forex ช่วยสร้างข้อมูลให้กับผู้วิเคราะห์ตลาด เขาสามารถใช้ความผันผวนเพื่อประเมินแนวโน้มของราคา และทำการวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจการลงทุน

– ความคุ้นเคยและความรู้สึกสบายในการลงทุน: ผู้ลงทุนที่มีความคุ้นเคยกับความผันผวนในตลาด Forex สามารถใช้ความรู้และประสบการณ์ในการดำเนินการซื้อขายได้อย่างมั่นใจและมีความรู้สึกสบายใจกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง

คู่เงินที่มีความผันผวนมากในตลาด Forex สามารถแบ่งได้เป็นกลุ่มหลักๆ ดังนี้:

คู่เงินที่มีความผันผวนมากทั่วไป: คู่เงินที่มีประเทศต่าง ๆ ที่มีเศรษฐกิจขาดแคลนหรือเป็นประเทศที่เปิดกว้างต่อการค้า ตัวอย่างเช่น GBP/JPY (British Pound/Japanese Yen) หรือ AUD/JPY (Australian Dollar/Japanese Yen) เป็นคู่เงินที่มีความผันผวนสูง

คู่เงินที่ผันผวนตามเศรษฐกิจและข่าวสาร: คู่เงินที่มีประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่และมีเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจหรือการเมืองที่ส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน ตัวอย่างเช่น EUR/USD (Euro/US Dollar) หรือ USD/CAD (US Dollar/Canadian Dollar)

คู่เงินที่ผันผวนตามสภาวะการค้าระหว่างประเทศ: คู่เงินที่มีประเทศที่มีกำลังการค้าระหว่างประเทศที่สูง หรือมีเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อการค้าระหว่างประเทศ ตัวอย่างเช่น USD/CNH (US Dollar/Chinese Yuan) หรือ GBP/EUR (British Pound/Euro)

คู่เงินที่มีความผันผวนมากที่สุด ได้แก่

AUD/JPY (Australian Dollar/Japanese Yen)

NZD/JPY (New Zealand Dollar/Japanese Yen)

AUD/USD (Australian Dollar/US Dollar)

CAD/JPY (Canadian Dollar/Japanese Yen)

AUD/GBP (Australian Dollar/Pound Sterling)

*การซื้อขายและลงทุนใน Forex และ CFD มีความเสี่ยงสูง อาจทำให้สูญเสียมากกว่าเงินทุนทั้งหมด

thailand

Recent Posts

งานสัมมนา Lots Academy Pool Villa Party Trade เทรดสดชนข่าว CPI ที่จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 10 – 12 ตุลาคม ที่ผ่านมา

งานสัมมนา Lots Academy Pool Villa Party Trade เทรดสดชนข่าว CPI ที่จังหวัดอุบลราชธานี จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นงานที่ผสมผสานระหว่างความรู้และความสนุกได้อย่างลงตัว นำเสนอประสบการณ์เทรดสดที่เทรดเดอร์ไม่ควรพลาด…

2 days ago

ประกาศเปลี่ยนแปลงชั่วโมงซื้อขายประจำเดือนพฤศจิกายน

เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ โปรดตรวจสอบตารางด้านล่างต่อไปนี้สำหรับการเปลี่ยนแปลงชั่วโมงซื้อขายประจำเดือนพฤศจิกายน โปรดดูตารางด้านล่างสำหรับตราสารอนุพันธ์ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง: วันที่ 4 พฤศจิกายน 2024(วันจันทร์) 11 พฤศจิกายน 2024(วันจันทร์) 15 พฤศจิกายน 2024(วันศุกร์) 20 พฤศจิกายน…

5 days ago

ประกาศปรับเวลาซื้อขายตามเวลาออมแสงของสหรัฐอเมริกา

เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ ขอเรียนให้ทราบว่าชั่วโมงการซื้อขายของผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงตามเวลาออมแสงในสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2024 สัญลักษณ์ เวลาซื้อขาย (GMT+2) Cocoa จันทร์ - พฤหัส: 11:45-20:30ศุกร์: 11:45-20:27 Coffee…

5 days ago

5 อินดิเคเตอร์พื้นฐาน (Basic Indicators) ที่นักเทรดทุกคนควรรู้

อินดิเคเตอร์พื้นฐาน (Basic Indicators) เป็นเครื่องมือสำคัญที่นักลงทุนและนักเทรดใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อหรือขายสินทรัพย์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น, ฟอเร็กซ์, คริปโต หรือสินทรัพย์อื่น ๆ อินดิเคเตอร์เหล่านี้ใช้ข้อมูลจากราคา ปริมาณการซื้อขาย และความผันผวนของตลาดเพื่อวัดแนวโน้ม, โมเมนตัม,…

5 days ago

Important Announcement – U.S. Election 2024

Dear Valued Clients, As we approach the 2024 U.S. election on November 5, 2024 (next…

6 days ago

ทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับ CFD Contract Rollover สำหรับนักเทรดมือใหม่

CFD Contract Rollover เป็นกระบวนการสำคัญที่นักเทรดควรเข้าใจ โดยเฉพาะหากคุณลงทุนในสินทรัพย์ที่มีวันหมดอายุ เช่น ฟิวเจอร์สหรือสินค้าโภคภัณฑ์ การทำ Rollover ช่วยให้นักเทรดยังคงถือครองตำแหน่งในตลาดต่อไปได้โดยไม่ต้องปิดสัญญาเดิมเอง นี่คือทุกอย่างที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการทำ CFD Contract Rollover สำหรับนักเทรดมือใหม่…

6 days ago